Hi Phonics

สอนโฟนิคส์ – นโยบายระดับชาติ

Plastic letter of A standing on the letter B and C

สอนโฟนิคส์ ทำไมถึงได้กลายเป็นนโยบายระดับชาติในประเทศอเมริกาและอังกฤษ?

ประเทศเจริญก้าวหน้าได้ดีเมื่อประชากรในประเทศเป็นคนมีคุณภาพ มีความรู้ การมีความรู้ที่คงทนและลึกซึ้งทางหนึ่งมาจากการอ่าน

ดังนั้นการอ่านจึงเป็นทักษะพื้นฐานที่หลายประเทศให้ความสำคัญ โดยมีการศึกษาวิจัยหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อทำให้พลเมืองของประเทศได้มีอาวุธในการล่าหาความรู้

ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เช่น อเมริกา  อังกฤษ หรือออสเตรเลีย ได้ทำวิจัยเพื่อหาวิธีสอนอ่านอย่างไรที่ดีที่สุดเพื่อทำให้เด็กอ่านภาษาอังกฤษได้ดี

คณะกรรมการการอ่านแห่งชาติประเทศอเมริกาจึงได้ทบทวนงานวิจัยเกี่ยวกับผลการ สอนโฟนิคส์ ตามที่ จีน ชอลล์ได้แนะและสรุปผลการวิจัยในรายงาน Report of the National Reading Panel

คณะการอ่านหนังสือแห่งชาติ ของอเมริกา (National Reading Panel)

คณะกรรมการการอ่านแห่งชาติเปิดเผยว่าในการเป็นผู้อ่านที่ดี เด็ก ๆ ต้องพัฒนาทักษะดังนี้:

  1. ความสามารถในการรู้จักแยกแยะหน่วยเสียง
  2. ความสามารถในการออกเสียงตัวอักษร
  3. ความสามารถในการอ่านคำในข้อความอย่างถูกต้องและคล่อง
  4. ความสามารถในการรู้ความหมายคำศัพท์
  5. ความสามารถในการใช้กลยุทธ์ทำความเข้าใจ อย่างมีสติและรอบคอบขณะอ่าน

1) การรู้จักแยกแยะหน่วยเสียง

การรู้จักแยกแยะหน่วยเสียง คือความสามารถในการได้ยินและจัดการกับเสียงของแต่ละเสียงที่อยู่ภายในคำ (เสียงภายในคำเรียกหน่วยเสียง) คำพูด (หรือคำอ่าน) ประกอบด้วยหน่วยเสียงที่รวมกัน ตัวอย่างเช่นคำว่า Cat มี 1 เสียง /cat/ แยกได้เป็น 3 หน่วยเสียง /c/ /a/ /t/ หรือคำว่า apple และ ant เด็กที่รู้จักแยกแยะหน่วยเสียงรู้ว่า 2 คำนั้นมีเสียงขึ้นต้นเสียงเหมือนกัน

คณะกรรมการฯ พบว่าความยากในการเรียนรู้วิธีที่จะอ่านภาษาอังกฤษนั้นเกิดจากการรู้จักหน่วยเสียงและแยกแยะเสียงได้ไม่เพียงพอ  ซึ่งการสอนที่เป็นระบบและชัดเจนของการสอนหน่วยเสียงมีผลโดยตรงในการพัฒนาการอ่านออกและการสะกด

จากหลักฐานการวิจัยมากมาย ทำให้คณะกรรมการฯ สรุปว่า การสอนอย่างเป็นระบบและชัดเจนในการทำให้เด็กรู้จักหน่วยเสียงและสามารถแยกแยะเสียงหน่วยเสียงเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสอนการอ่านภาษาอังกฤษในชั้นเรียนสำหรับ (1) เด็กในวัยอนุบาลขึ้นไป ที่ไม่เคยเรียนเรื่องของหน่วยเสียง หรือ (2) ผู้ที่มีปัญหาในการทำความเข้าใจว่าคำคำหนึ่งมาจากเสียงของตัวอักษรรวมกัน ที่สำคัญคณะกรรมการฯ พบว่าแม้แต่เด็กก่อนวัยเรียนก็ยังตอบสนองดีกับการสอนการแยกแยะหน่วยเสียงเมื่อการสอนเหมาะกับวัยและสนุก

2) ทักษะการออกเสียงตัวอักษร (Phonics)

คณะกรรมการฯ ยังสรุปด้วยว่างานวิจัยชิ้นนี้ให้หลักฐานที่ชัดเจนว่าการสอนออกเสียงตัวอักษร (Phonics) ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากสำหรับเด็กตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 และสำหรับเด็กที่มีปัญหาในการเรียนรู้ที่จะอ่าน พัฒนาการที่ดีเยี่ยมที่สุดของการอ่านเห็นได้จากการสอนออกเสียงตัวอักษร (Phonics) อย่างเป็นระบบ

3) การอ่านอย่างถูกต้องและคล่อง

การเรียนโฟนิคส์ทำให้อ่านถูกต้อง แต่ควรได้ฝึกอ่านออกเสียงเพื่อทำให้อ่านได้คล่อง คณะกรรมการฯ สรุปว่าการอ่านออกเสียงแบบมีคำแนะนำ (อ่านออกเสียงและเมื่ออ่านผิดได้รับคำแนะนำ) เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการพัฒนาทำให้อ่านได้คล่อง เมื่อนักเรียนอ่านออกเสียงให้ครู, ผู้ปกครอง หรือเพื่อนๆ ฟังและหากอ่านผิดเขาจะได้รับคำแนะนำและแก้ไขให้ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การอ่านออกเสียงแบบมีคำแนะนำนี้ช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ที่จะจดจำคำศัพท์ใหม่ ๆ ช่วยให้อ่านได้อย่างถูกต้องและง่ายดาย รวมทั้งช่วยให้เข้าใจสิ่งที่อ่านมากขึ้น

4) การรู้คำศัพท์

ไม่ต้องสงสัยแลยว่า การมีความรู้เกี่ยวกับความหมายของคำเป็นสิ่งสำคัญมากเพียงใดในการอ่าน การสอนคำศัพท์หมายถึงการสอนความหมายของคำ จากการศึกษาการวิจัยพบว่าการสอนนักเรียนเกี่ยวกับความหมายของคำ และส่วนอื่นๆ ของคำ เช่น ส่วนนำหน้าคำ (Prefix) และส่วนต่อท้ายคำ (Suffix) มีผลต่อความเข้าใจในคำศัพท์อย่างมาก

5) กลยุทธในการทำความเข้าใจเนื้อหา

การอ่านเพื่อความเข้าใจคือการทำความเข้าใจและตีความข้อมูลในสิ่งที่อ่าน วิธีสอนความเข้าใจในสิ่งที่อ่านคือการสอนกลยุทธ์การตีความหมายซึ่งเป็นสิ่งที่นักเรียนที่ตั้งใจอ่านใช้เพื่อชี้นำความคิดในขณะที่อ่าน

จะเห็นว่าการสอนโฟนิคส์และสอนการรู้จักแยกแยะเสียงเป็นการสอนพื้นฐานของการทำให้เด็กสามารถอ่านภาษาอังกฤษได้ก่อนแล้วจึงพัฒนาด้านการอ่านคล่อง เรียนรู้ความหมายคำศัพท์ และกลยุทธในการทำความเข้าใจเนื้อหาสิ่งที่อ่าน

ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการของอเมริกาจึงกำหนดให้การสอนโฟนิคส์เป็นมาตรการสำคัญหนึ่งของการเรียนการสอนตามนโยบาย ‘No Chilid Left Behind’ ทุกโรงเรียนต้องสอนโฟนิคส์ตั้งแต่นักเรียนเริ่มเรียน

 

เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษได้กำหนดให้ทุกโรงเรียนจัดการเรียนการสอนตามนโยบาย ‘The School White Paper 2010’ ซึ่งว่ากันว่า นโยบายนี้เข้มข้นเสมือนเป็นการปฏิรูปการสอนของทั้งประเทศเลยก้อว่าได้   และ หนึ่งในนโยบายนั้นคือทุกโรงเรียนต้องสอนโฟนิคส์อย่างเป็นระบบเป็นการสอนอ่านเบื้องต้นนอกจากนี้ยังกำหนดให้มีการทดสอบการอ่านด้วยข้อสอบของกระทรวงศึกษาธิการอีกด้วย

You cannot copy content of this page

error: Content is protected !!